ข้อแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งของเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ และ เว็บไซต์ที่ไม่ประสบความสำเร็จก็คือ คนส่วนใหญ่ที่ทำเว็บไซต์ได้ประสบความสำเร็จนั้นมักจะมีแบบแผนหรือเฟรมเวิรคในการวางแผนดิจิตอลมาร์เกตติ้งอย่างเป็นระบบ ทำให้เค้ามีแนวทางในการพัฒนาเว็บไซต์อย่างชัดเจน ในทางกลับกันสิ่งที่ทำให้เว็บไซต์ล้มเหลวนั้น มักไม่ใช่การขาดความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างแบนเนอร์หรือเว็บไซต์ให้สวยงาม แต่ส่วนใหญ่มักเกิดมาจากการขาดการคิดอย่างเป็นระบบถึงเป้าหมายของเว็บไซต์ และปัจจัยต่างๆที่จะทำให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
ในบทความนี้ผมขอนำเสนอ 5 ขั้นตอนง๊ายง่ายจาก เฟรมเวิร์คดิจิตอลมาร์เกตติ้งและการวิเคราะห์เว็บไซต์ ของคุณ Avinash Kaushik (ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากๆในวงการดิจิตอลมาเกตติ้ง) ที่จะช่วยทำให้ผู้อ่านสามารถวางแผนดิจิตอลมาร์เกตติ้งได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ดังนี้นะครับ.....
ในบทความนี้ผมขอนำเสนอ 5 ขั้นตอนง๊ายง่ายจาก เฟรมเวิร์คดิจิตอลมาร์เกตติ้งและการวิเคราะห์เว็บไซต์ ของคุณ Avinash Kaushik (ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากๆในวงการดิจิตอลมาเกตติ้ง) ที่จะช่วยทำให้ผู้อ่านสามารถวางแผนดิจิตอลมาร์เกตติ้งได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ดังนี้นะครับ.....
ขั้นที่1 เขียนจุดประสงค์ของเว็บไซต์และแผนการตลาด
ลองถามคำถามนี้กับตัวเองดูว่า “เว็บไซต์หรือแผนการตลาดของเรานี้มีจุดประสงค์เพื่ออะไร”
ฟังดูแรกๆเหมือนจะตอบง่าย แต่จริงๆแล้วคำถามนี้อาจจะยากกว่าที่ผู้อ่านคิดไว้ในตอนแรก สำหรับการที่จะเขียนจุดประสงค์ที่เข้าใจง่าย และมีประโยชน์ต่อบริษัทอย่างแท้จริง เมื่อทำขั้นตอนแรกเสร็จแล้ว ผู้อ่านจะได้คำตอบเช่นในรูปต่อไปนี้ (ผมลองยกตัวอย่างของร้านขายไวน์ออนไลน์)
ลองถามคำถามนี้กับตัวเองดูว่า “เว็บไซต์หรือแผนการตลาดของเรานี้มีจุดประสงค์เพื่ออะไร”
ฟังดูแรกๆเหมือนจะตอบง่าย แต่จริงๆแล้วคำถามนี้อาจจะยากกว่าที่ผู้อ่านคิดไว้ในตอนแรก สำหรับการที่จะเขียนจุดประสงค์ที่เข้าใจง่าย และมีประโยชน์ต่อบริษัทอย่างแท้จริง เมื่อทำขั้นตอนแรกเสร็จแล้ว ผู้อ่านจะได้คำตอบเช่นในรูปต่อไปนี้ (ผมลองยกตัวอย่างของร้านขายไวน์ออนไลน์)
ขั้นที่2 เขียนเป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละจุดประสงค์ของเว็บไซต์
การที่เราต้องเขียนเป้าหมายที่ชัดเจนนั้น จะช่วยบังคับให้เราคิดถึงกลยุทธ์ทางการตลาดที่เราต้องการใช้เพื่อที่เราจะสามารถบรรลุจุดประสงค์ของเว็บไซต์ของเราได้ เป้าหมายในนิยามของผมคือกลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจงที่เราต้องการจะทำให้สำเร็จในการที่จะทำให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จได้ ลองดูตัวอย่างข้างล่างเผื่อจะช่วยให้หายงงได้มากขึ้นนะครับ
การที่เราต้องเขียนเป้าหมายที่ชัดเจนนั้น จะช่วยบังคับให้เราคิดถึงกลยุทธ์ทางการตลาดที่เราต้องการใช้เพื่อที่เราจะสามารถบรรลุจุดประสงค์ของเว็บไซต์ของเราได้ เป้าหมายในนิยามของผมคือกลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจงที่เราต้องการจะทำให้สำเร็จในการที่จะทำให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จได้ ลองดูตัวอย่างข้างล่างเผื่อจะช่วยให้หายงงได้มากขึ้นนะครับ
จะเห็นได้ว่า เป้าหมายของเว็บไซต์จะเป็นส่วนย่อยลงมาจากวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์และแผนการตลาด อย่างเช่นการขายไวน์ออนไลน์ได้ประสบความสำเร็จนั้นจะประกอบไปด้วย 3 เป้าหมายคือ เพิ่มยอดขาย เพิ่มผู้เยี่ยมชมในหน้าสินค้า และทำกำไร ในขณะที่ออนไลน์มาร์เกตติ้งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าเราสามารถสร้างฐานลูกค้าและเพิ่มการบอกต่อของลูกค้า
ขั้นที่ 3 เขียนดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI
ในที่สุดเราก็เริ่มมาถึงในส่วนของข้อมูลที่เราจะสามารถเริ่มดูได้ใน Google Analytics กันแล้ว
ดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI คือ เมทริกที่จะช่วยให้เราเข้าใจว่าเว็บไซต์เราดีแค่ไหนในการที่จะบรรลุในแต่ละเป้าหมาย
ในแต่ละเป้าหมาย ให้ผู้อ่านลองเขียนเมทริกที่จะช่วยวัดความสำเร็จเป้าหมายนั้นให้ดีที่สุด เมื่อเราทำขั้นตอนนี้เสร็จก็จะได้เฟรมเวิร์คแบบนี้นะครับ
ขั้นที่ 3 เขียนดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI
ในที่สุดเราก็เริ่มมาถึงในส่วนของข้อมูลที่เราจะสามารถเริ่มดูได้ใน Google Analytics กันแล้ว
ดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI คือ เมทริกที่จะช่วยให้เราเข้าใจว่าเว็บไซต์เราดีแค่ไหนในการที่จะบรรลุในแต่ละเป้าหมาย
ในแต่ละเป้าหมาย ให้ผู้อ่านลองเขียนเมทริกที่จะช่วยวัดความสำเร็จเป้าหมายนั้นให้ดีที่สุด เมื่อเราทำขั้นตอนนี้เสร็จก็จะได้เฟรมเวิร์คแบบนี้นะครับ
ขั้นที่ 4 เขียนเป้าของแต่ละ KPI
มันน่าเสียดายมากที่ผมเห็นหลายๆคนที่ทำเว็บไซต์ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการนั่งคิดว่า เป้าของเว็บไซต์หรือสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในเว็บไซต์เป็นอย่างไรบ้าง เพราะถ้าเราไม่มีเป้าแล้วก็ เราจะไม่รู้เลยว่าเว็บไซต์ของเรานั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ต้องปรับปรุงในด้านไหน
เป้าของแต่ละ KPI คือ ตัวเลขของ KPI ที่เราคิดขึ้นมาไว้เป็นตัวชี้วัดว่าเราทำเป้าหมายนั้นสำเร็จหรือล้มเหลว
ปกติแล้วเราอาจจะคิดเป้าขึ้นมาได้จากผลงานของเว็บไซต์ที่ผ่านมาในอดีต หรือว่าอาจจะลองเทียบกับคู่แข่งดูในกรณีที่เรามีข้อมูลก็ได้นะครับ
มันน่าเสียดายมากที่ผมเห็นหลายๆคนที่ทำเว็บไซต์ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการนั่งคิดว่า เป้าของเว็บไซต์หรือสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในเว็บไซต์เป็นอย่างไรบ้าง เพราะถ้าเราไม่มีเป้าแล้วก็ เราจะไม่รู้เลยว่าเว็บไซต์ของเรานั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ต้องปรับปรุงในด้านไหน
เป้าของแต่ละ KPI คือ ตัวเลขของ KPI ที่เราคิดขึ้นมาไว้เป็นตัวชี้วัดว่าเราทำเป้าหมายนั้นสำเร็จหรือล้มเหลว
ปกติแล้วเราอาจจะคิดเป้าขึ้นมาได้จากผลงานของเว็บไซต์ที่ผ่านมาในอดีต หรือว่าอาจจะลองเทียบกับคู่แข่งดูในกรณีที่เรามีข้อมูลก็ได้นะครับ
ขั้นที่ 5 เขียน segment(กลุ่มเป้าหมาย) ที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์
ในขั้นตอนสุดท้ายเป็นขั้นตอนที่จะเป็นประโยชน์มากๆในการวิเคราะห์เว็บไซต์ เนื่องจากเมื่อเราเข้าไปใน Google Analytics แล้ว เราสามารถดูข้อมูลได้เป็นหลายร้อยรูปแบบ แต่ในการที่เราได้เขียนและคิดจริงๆว่าเราควรจะดูข้อมูลในรูปแบบใดถึงจะมีประโยชน์ต่อเรามากที่สุดนั้น จะช่วยให้เราสามารถได้ประโยชน์และแนวทางจากข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง
ในขั้นตอนสุดท้ายเป็นขั้นตอนที่จะเป็นประโยชน์มากๆในการวิเคราะห์เว็บไซต์ เนื่องจากเมื่อเราเข้าไปใน Google Analytics แล้ว เราสามารถดูข้อมูลได้เป็นหลายร้อยรูปแบบ แต่ในการที่เราได้เขียนและคิดจริงๆว่าเราควรจะดูข้อมูลในรูปแบบใดถึงจะมีประโยชน์ต่อเรามากที่สุดนั้น จะช่วยให้เราสามารถได้ประโยชน์และแนวทางจากข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง
กว่าจะทำ 5 ขั้นตอนนี้เสร็จก็ใช้เวลายาวนานเหมือนกันนะครับ แต่ผมรับประกันว่าเมื่อทำเสร็จแล้ว ผู้อ่านจะเห็นแนวทางในการทำดิจิตอลมาร์เกตติ้ง รวมถึงการวิเคราะห์เว็บไซต์ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น เมื่อทำครบทุกขั้นตอนแล้วก็จะได้แบบแผนดังรูปข้างล่างนี้นะครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ เพื่อนๆคิดว่ามีประโยชน์หรือมีคำถามตรงไหนหรือเปล่าครับ ยังไงก็ฝากถามกันมาได้ที่คอมเมนต์ด้านล่างนะครับ