หลายครั้งที่ผมเห็นหลายๆบริษัทลงทุนทั้ง กำลังคนและกำลังเงินจำนวนมหาศาลในการพัฒนามาร์เกตติ้งทุกรูปแบบ แต่แล้ว coversion rate และ กำไรกลับไม่ได้มากขึ้นตามกำลังแรงและเงินที่ลงไป หากผู้อ่านกำลังหาวิธีการที่จะปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เพราะมีข้อมูลมากมายเหลือเกิน ผมขอแนะนำให้ผู้อ่านลองเริ่มจากเมทริกที่ผมคิดว่ามีประโยชน์มากในการปรับปรุงเว็บไซต์ และเป็นเมทริกสุดโปรดของผม Bounce Rate
ฺBounce Rate เป็นเมทริกที่ช่วยบอกคุณภาพของ traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ เป็นเมทริกที่หาได้ในทุกรีพอท เข้าใจได้ง่าย และสามารถนำมาช่วยปรับปรุงทั้งเว็บไซต์และมาเกตติ้งของคุณได้อย่างดีมาก
ฺBounce Rate เป็นเมทริกที่ช่วยบอกคุณภาพของ traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ เป็นเมทริกที่หาได้ในทุกรีพอท เข้าใจได้ง่าย และสามารถนำมาช่วยปรับปรุงทั้งเว็บไซต์และมาเกตติ้งของคุณได้อย่างดีมาก
Bounce Rate คือ %ของผู้ที่เข้ามายังเว็บไซต์และมีเพียง 1 pageview
เป็นทั่วไปในฐานะเจ้าของเว็บไซต์ที่เราอยากจะให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ หรือหาข้อมูลต่างๆ ดังนั้นเราจึงอยากให้เว็บไซต์ของเรามี bounce rate ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แล้วเราจะสามารถใช้ bounce rate อย่างไรได้บ้างล่ะ ข้างล่างเป็น 3 ตัวอย่างง่ายๆในการใช้ bounce rate
1. วัด bounce rate โดยรวมในเว็บไซต์ของคุณ
เพื่อที่จะทำให้เรารู้ว่าผู้ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรามีกี่ % ที่อย่างน้อยคลิกดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเรา
เป็นทั่วไปในฐานะเจ้าของเว็บไซต์ที่เราอยากจะให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ หรือหาข้อมูลต่างๆ ดังนั้นเราจึงอยากให้เว็บไซต์ของเรามี bounce rate ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แล้วเราจะสามารถใช้ bounce rate อย่างไรได้บ้างล่ะ ข้างล่างเป็น 3 ตัวอย่างง่ายๆในการใช้ bounce rate
1. วัด bounce rate โดยรวมในเว็บไซต์ของคุณ
เพื่อที่จะทำให้เรารู้ว่าผู้ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรามีกี่ % ที่อย่างน้อยคลิกดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเรา
ในตัวอย่างภาพข้างบนจะเห็นว่ามี bounce rate อยู่ที่ประมาณ 60กว่า% (ซึ่งนับว่าสูงเลยทีเดียว) นั่นแปลว่ามีถึง 60% ที่เข้ามายังเว็บไซต์แล้วไม่คลิกแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าเว็บไซต์ของคุณไม่ใช่เว็บไซต์ที่เนื้อหาทั้งหมดอยู่ในหน้าแรกแล้วล่ะก้อ ถ้ามี bounce rate สูงขนาดนี้จะต้องหาทางแก้ไขอย่างรวดเร็ว
วิธีการใช้รีพอทนี้คือพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมผู้เข้าเยี่ยมชมถึงไม่ยอมคลิกในหน้าของเรา เมื่อเราได้ทำการปรับปรุงแล้ว ให้กลับมาดูว่า bounce rate ของเว็บไซต์คุณค่อยๆดีขึ้นตามลำดับหรือไม่
2. วัด bounce rate จากที่มาของ traffic
เป้าหมายก็คือการหาที่มาของ traffic ที่มี bounce rate สูงเมื่อเทียบกับที่มาอื่นๆ วิธีการดูรีพอทนี้ใน Google Analytics ก็คือไปที่ Acquisition > All Traffic
วิธีการใช้รีพอทนี้คือพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมผู้เข้าเยี่ยมชมถึงไม่ยอมคลิกในหน้าของเรา เมื่อเราได้ทำการปรับปรุงแล้ว ให้กลับมาดูว่า bounce rate ของเว็บไซต์คุณค่อยๆดีขึ้นตามลำดับหรือไม่
2. วัด bounce rate จากที่มาของ traffic
เป้าหมายก็คือการหาที่มาของ traffic ที่มี bounce rate สูงเมื่อเทียบกับที่มาอื่นๆ วิธีการดูรีพอทนี้ใน Google Analytics ก็คือไปที่ Acquisition > All Traffic
จากตัวอย่างในเว็บไซต์จะเห็นว่า traffic ที่มาจาก facebook ในมือถือ และ e-learning มี bounce rate ที่สูงกว่าปกติ เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้เพื่อกลับไปปรับปรุงวิธีการดึงคนเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เพื่อปรับปรุงให้ bounce rate ลดลงได้
3. วัด bounce rate จากหน้าที่คนเข้ามาเยอะที่สุด
มันมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าสาเหตุที่ bounce rate สูงอาจจะไม่ใช่เป็นเพราะที่มาของ traffic แต่เป็นเพราะหน้าเพจของคุณอาจจะยังไม่ดีพอก็เป็นได้ ใน Google Analytics สามารถหารีพอทนี้ได้ที่ Behavior>Site Content> Landing Page
3. วัด bounce rate จากหน้าที่คนเข้ามาเยอะที่สุด
มันมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าสาเหตุที่ bounce rate สูงอาจจะไม่ใช่เป็นเพราะที่มาของ traffic แต่เป็นเพราะหน้าเพจของคุณอาจจะยังไม่ดีพอก็เป็นได้ ใน Google Analytics สามารถหารีพอทนี้ได้ที่ Behavior>Site Content> Landing Page